รับขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ

รับขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร นำเที่ยว ใบอนุญาตขาย ไพ่ ใบอนุญาตจัดตั้งโรงงาน รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

รับขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ

หลังจากจัดตั้งนิติบุคคลแล้ว ในการเริ่มต้นธุรกิจบางประเภทต้องขออนุญาตจากหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องและได้รับขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจจากหน่วยงานนั้นเสียก่อนจึงจะสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจได้

ในแต่ละประเภทธุรกิจหน่วยงานที่ดูแลและออกใบอนุญาตก็จะแตกต่างกันออกไปตามประเภทธุรกิจนั้น ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการนั้นได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามข้อกำหนดของกฎหมาย การขอรับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่เริ่มต้นธุรกิจ ให้การเริ่มต้นธุรกิจนั้นถูกต้อง ตามข้อกำหนดของกฏหมาย ไม่มีปัญหาในภายหลัง

กรีนโปร เคเอสพี ประกอบด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ ความรู้ และชำนาญในการรับขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ เพื่อช่วยผู้ประกอบการในการดำเนินการขอรับใบอนุญาตเป็นไปอย่างถูกต้องตามระเบียบ และข้อกำหนดของกฏหมายด้วยความสะดวกรวดเร็วในราคายุติธรรม ทำให้การเริ่มต้นธุรกิจของผู้ประกอบการนั้นเป็นไปด้วยความราบรื่น

ขอบเขตการให้บริการรับขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ

• รวบรวมข้อมูล และเอกสารเพื่อจัดเตรียมแบบฟอร์ม และเอกสารประกอบรับขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
• ดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
• นำใบอนุญาตการประกอบธุรกิจจัดส่งให้ลูกค้าผู้ประกอบการ

ใบอนุญาตการประกอบธุรกิจต่าง ๆ

รับขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ร้านอาหารและจำหน่ายอาหาร (ขายอาหาร)

ผู้ประกอบการที่จะเปิดร้านอาหาร หรือขายอาหาร จะต้องมีการขออนุญาตใช้สถานที่เพื่อขาย ทำ ประกอบ ปรุง สะสมอาหาร ในสถานที่เอกชน
หลักเกณฑ์ในการขออนุญาตใช้สถานที่เพื่อขาย ทำ ประกอบ ปรุง สะสมอาหาร ในสถานที่เอกชน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้
1. ในกรณีที่มีพื้นที่เกิน 200 ตารางเมตร ซึ่งมิใช่เป็นการขายของในตลาดหรือการจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ จะต้องดำเนินการขอใบอนุญาตจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหาร และสถานที่สะสมอาหาร
2. ในกรณีที่มีพื้นที่ไม่เกิน 200 ตารางเมตร ซึ่งมิใช่เป็นการขายของในตลาดหรือการจำหน่ายสินค้าในที่ หรือทางสาธารณะ จะต้องขอหนังสือรับรองการแจ้งการจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหาร และสถานที่สะสมอาหาร

รูปแบบการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจร้านอาหารหรือจำหน่ายอาหาร (ขายอาหาร) 
ผู้ประกอบการร้านอาหารหรือจำหน่ายอาหาร สามารถยื่นขอใบอนุญาตร้านอาหารหรือจำหน่ายอาหารได้ 2 กรณี ดังนี้

1. ยื่นขอในรูปแบบบุคคลธรรมดา โดยในกรณีนี้ผู้ประกอบการต้องมีการจดทะเบียนพาณิชย์หรือที่เรียกว่าจดทะเบียนการค้าเสียก่อน โดยทั้งนี้วัตถุประสงค์ในการจดทะเบียนพาณิชย์ต้องระบุว่าเป็นการประกอบกิจการร้านอาหาร หรือจำหน่ายอาหาร โดยสำเนาของใบทะเบียนพาณิชย์ จะเป็นเอกสารประกอบในการยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจร้านอาหารหรือจำหน่ายอาหาร

2. ยื่นขอในรูปแบบนิติบุคคล  ในกรณีที่ผู้ประกอบการต้องการยื่นคำขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจร้านอาหารหรือจำหน่ายอาหารในรูปนิติบุคคล หนังสือรับรองนิติบุคคลต้องระบุวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายอาหาร หรือประกอบธุรกิจร้านอาหาร

ในกรณีที่ร้านอาหารหรือสถานที่จำหน่ายอาหารมีการจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทที่มีแอลกอฮอล์ ได้แก่ สุรา เบียร์ และ ไวน์ นั้น ผู้ประกอบการต้องมีการขอใบอนุญาตจำหน่ายสุรา (ใบอนุญาตขายสุรา) เพิ่มเติมด้วย

สถานที่ยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจร้านอาหารหรือจำหน่ายอาหาร (ขายอาหาร)
โดยต้องยื่นขออนุญาตจัดตั้งร้านอาหารต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบตามแบบฟอร์ม พร้อมเอกสารประกอบการขออนุญาตตามข้อกำหนดของหน่วยงานท้องถิ่นที่รับผิดชอบ 
1. ในกรณีสถานที่ตั้งอยู่ที่ กรุงเทพมหานคร ยื่นขอรับใบอนุญาตได้ที่สำนักงานเขตที่ร้านอาหารหรือสถานที่ขายอาหารตั้งอยู่ 
2. ในกรณีต่างจังหวัด ยื่นขอใบอนุญาตได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลที่ร้านอาหารหรือสถานที่ขายอาหารตั้งอยู่

ค่าธรรมเนียมในการขอใบอนุญาตร้านอาหารหรือจำหน่ายอาหาร

ค่าธรรมเนียมรัฐบาลในกรณีสถานที่จำหน่ายอาหารมีพื้นที่เกิน 200 ตารางเมตร ในการขอรับใบอนุญาตสถานที่จำหน่ายอาหาร

– พื้นที่ขนาดไม่เกิน 300 ตรม. ค่าธรรมเนียม 2,800 บาท
– พื้นที่ขนาดเกิน 300 ตารางเมตร คิดเพิ่มตารางเมตรละ 1 บาท โดยให้คิดพื้นที่เป็นจำนวนเต็มปัดเศษทิ้งแต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 4,800 บาท

ค่าธรรมเนียมรัฐบาลในกรณีสถานที่จำหน่ายอาหารมีพื้นที่ไม่เกิน 200 ตารางเมตร ในการขอหนังสือรับรองการแจ้งการจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหาร

– พื้นที่ขนาดไม่เกิน 10 ตรม. ค่าธรรมเนียม 200 บาท
– พื้นที่ขนาดเกิน 10 ตารางเมตร คิดเพิ่มตารางเมตรละ 10 บาท โดยให้คิดพื้นที่เป็นจำนวนเต็มปัดเศษทิ้งแต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 1,500 บาท
**ใบอนุญาตสถานที่จำหน่ายอาหาร หรือหนังสือรับรองการแจ้งการจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารมีอายุ 1ปี นับแต่วันที่ออกใบอนุญาต

รับขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ขาย สุรา ยาสูบ ไพ่

ในการประกอบธุรกิจขายสุรา ยาสูบ และไพ่นั้น ผู้ประกอบการต้องขอใบอนุญาตต่อกรมสรรพสามิตร รับใบอนุญาตและชำระค่าธรรมเนียม

ใบอนุญาต ก่อนประกอบธุรกิจดังกล่าว  ทั้งนี้ใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบและไพ่  จะมีอายุ 1 ปี โดยนับตั้งแต่วันที่ได้รับอนุญาต และสามารถต่อใบอนุญาต ขายสุรา ยาสูบ และไพ่ ได้ก่อนล่วงหน้าก่อนใบอนุญาตนั้นหมดอายุ 90 วัน 

กฎหมายกำหนดโทษของการประกอบธุรกิจขายสุรา ยาสูบ และไพ่ โดยไม่มีใบอนุญาต ไม่แสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผย หรือใช้ใบอนุญาตไม่ตรงกับสถานที่ระบุไว้ในใบอนุญาตนั้น  ผู้ฝ่าฝืนจะมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท.

ใบอนุญาตจำหน่ายสุรา มี 2 ประเภท

1. ใบอนุญาตประเภทที่ 1 เป็นใบอนุญาตสำหรับการขายส่งสุราทุกชนิด โดยมีจำหน่ายเป็นจำนวนครั้งละ 10 ลิตรขึ้นไป 
โดยจะเสียค่าธรรมเนียมใบอนุญาตสำหรับใบอนุญาตประเภทที่ 1  ปีละ 5,500 บาท
2. ใบอนุญาตประเภทที่ 2 เป็นใบอนุญาตสำหรับการขายปลีกสุราทุกชนิด โดยจำหน่ายครั้งละต่ำกว่า 10ลิตร ซึ่งใบอนุญาตขายปลีกสุรา จะแยกออกเป็น 2 ประเภทดังนี้
(1) สถานที่ที่ผู้ประกอบการขายปลีกสุรา มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะเสียค่าธรรมเนียม ปีละ 2,200 บาท
(2) สถานที่ที่ผู้ประกอบการขายปลีกสุรา ไม่ได้มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะเสียค่าธรรมเนียม ปีละ 330 บาท

รูปแบบการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจจำหน่ายสุรา (ใบอนุญาตขายเหล้า) แบ่งออกเป็น 2 กรณีดังนี้
1. รูปแบบบุคคลธรรมดา
2. รูปแบบนิติบุคคล  

ผู้ประกอบการขายสุราที่จะยื่นขอใบอนุญาตขายสุรานั้น ต้องไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตขายสุราเว้นแต่เวลาได้ล่วงพ้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี

ข้อกำหนดในการจำหน่ายสุรา
– เวลาในการขายสุราหรือขายเหล้า จะจำหน่ายได้ในเวลาตั้งแต่ 11.00 น. – 14.00 น. และ 17.00 น. – 24.00 น.
– ห้ามขายสุราหรือขายเหล้า ในวันดังนี้ วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา วันอาสาฬหบูชา วันมาฆบูชา และวันวิสาขบูชา
– ห้ามขายสุราหรือขายเหล้าให้แก่บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ หรือผู้ที่มีอาการมึนเมาจนไม่สามารถครองสติได้
– ห้ามขายสุราหรือขายเหล้าโดยการใช้เครื่องขายแบบอัตโนมัติ เร่ขาย ลดราคา หรือทำการส่งเสริมการขาย

สถานที่จำหน่ายสุราต้องไม่เป็นสถานที่ดังต่อไปนี้
(1) ที่ตั้งสถานศึกษาที่จัดการศึกษาในระบบตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ รวมทั้งบริเวณที่ต่อเนื่องและติดกับสถานที่ดังกล่าว
(2) ที่ตั้งวัด มัสยิด วัดบาทหลวง หรือสถานที่ประกอบศาสนกิจในนิกายหรือศาสนาใดศาสนาหนึ่ง รวมทั้งบริเวณที่ต่อเนื่องและติดกับสถานที่ดังกล่าว 
(3) ที่ตั้งสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งบริเวณที่ต่อเนื่องและติดกับสถานที่ดังกล่าว
(4) สถานที่ที่เคยเป็นสถานประกอบการขายสุราของผู้ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต เว้นแต่ได้พ้นกำหนดระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต
(ข้อ 1-4 เฉพาะการขายสุราประเภทที่ 2)
(5) สถานประกอบการขายเหล้าของผู้ที่ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตและอยู่ระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต
(6) สถานที่ต้องห้ามขายเหล้าตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือกฎหมายอื่น

ใบอนุญาตจำหน่ายยาสูบหรือยาเส้น

ใบอนุญาตจำหน่ายยาสูบหรือยาเส้น มี 3 ประเภทดังนี้

ประเภท 1 สำหรับการขายยาสูบ ครั้งละตั้งแต่ 1,000 มวนขึ้นไป โดยถ้าเป็นการขายยาเส้นครั้งละตั้งแต่ 2 กิโลกรัมขึ้นไป สำหรับยาเส้นปรุงหรือยาเคี้ยวครั้งละตั้งแต่ 200 กรัมขึ้นไป
ประเภท 2 สำหรับการขายปลีกยาสูบครั้งละไม่เกิน 1,000 มวน โดยถ้าเป็นการขายยาเส้นครั้งละไม่เกิน 2 กิโลกรัม สำหรับยาเส้นปรุงหรือยาเคี้ยวครั้งละไม่เกิน 200 กรัม
ประเภท 3 สำหรับการขายผลิตภัณฑ์ยาสูบชนิดอื่น

ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจำหน่ายยาสูบหรือยาเส้น มีอัตราดังต่อไปนี้
ประเภทที่ 1  
– สำหรับผู้ขายบุหรี่ ซิกาแรต และบุหรี่ซิการ์ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ปีละ 1,200 บาท
– สำหรับผู้ขายยาเคี้ยว ยาเส้นปรุง ยาเส้น และบุหรี่อื่น 
(ก) สำหรับผู้ขายยาเส้นที่ผู้ขายเป็นผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผลิตเอง ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ปีละ 100 บาท
(ข) สำหรับผู้ขายยาเส้นอื่น นอกจาก (ก) ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 500 บาท
ประเภทที่ 2  
– สำหรับผู้ขายบุหรี่ ซิกาแรต และบุหรี่ซิการ์ ในสถานที่ดังต่อไปนี้
(ก) คลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทร้านค้าปลอดอากรตามกฏหมายศุลกากร ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ปีละ 500 บาท
(ข) สถานที่ขายที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตปีละ 500 บาท
(ค) สถานที่ขายที่ผู้ประกอบการมิได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตปีละ 100 บาท
– สำหรับผู้ขายยาเคี้ยว ยาเส้นปรุง ยาเส้น และบุหรี่อื่น ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 100 บาท
ประเภทที่ 3 เป็นการขายผลิตภัณฑ์ยาสูบชนิดอื่น ใบอนุญาตปีละ 1,200 บาท

ข้อกำหนดในการจำหน่ายยาสูบ (ขายบุหรี่)
– การขายยาสูบต้องขายตามขนาดซองที่ได้เสียภาษีแล้ว โดยห้ามทำการแบ่งขาย ถ้าฝ่าฝืนต้องระวางโทษ โดยปรับไม่เกิน 5,000 บาท
– กำหนดให้ห้ามขายยาสูบให้แก่บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และห้ามใช้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ขายยาสูบ
– กำหนดให้ห้ามขายยาสูบ โดยใช้เครื่องขายอัตโนมัติ ห้ามเร่ขาย ห้ามขายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์
– ห้ามจำหน่ายยาสูบโดยมีรายการส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถมให้หรือแลกเปลี่ยนกับสินค้าอื่น

สถานที่จำหน่ายยาสูบหรือขายยาสูบ ต้องไม่เป็นสถานที่ ดังต่อไปนี้

(1) เป็นสถานที่หรือบริเวณที่ห้ามขายยาสูบตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ
(2) เป็นที่ตั้งของสถานศึกษาที่จัดการศึกษาในระบบตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ รวมทั้งบริเวณต่อเนื่องและติดกับสถานศึกษาดังกล่าว 
(3) เป็นที่ตั้งวัด มัสยิด วัดบาทหลวง หรือสถานที่ประกอบศาสนกิจในนิกาย หรือศาสนาใดศาสนาหนึ่ง รวมทั้งบริเวณต่อเนื่องและติดกับสถานที่ดังกล่าว (สำหรับข้อ 2 และข้อ 3 เฉพาะการขายยาสูบประเภทที่ 2 บุหรี่ซิกาแรต)
(4) เป็นสถานที่ที่ผู้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตขายยาสูบเคยใช้ในการขายยาสูบ เว้นแต่เวลา ได้ล่วงพ้นมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี
(5) เป็นสถานที่ที่ผู้ที่อยู่ระหว่างถูกพักใช้ใบอนุญาตขายยาสูบใช้ในการขายยาสูบ

ผู้ประกอบการที่ต้องการขออนุญาตจำหน่ายยาสูบหรือขายบุหรี่ ต้องไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตขายยาสูบ/ขายบุหรี่ เว้นเสียแต่ว่าเวลาได้ล่วงพ้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี

ใบอนุญาตขายไพ่

ใบอนุญาตขายไพ่แบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้

ประเภท 1 การขายไพ่ ครั้งหนึ่งจำนวนตั้งแต่ 40 สำรับขึ้นไป โดยมีค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 1,200 บาท
ประเภท 2 การขายไพ่ ครั้งหนึ่งต่ำกว่า 40 สำรับ โดยมีค่าธรรมเนียมแบ่งเป็น 3 ประเภทดังต่อไปนี้
1. คลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทร้านค้าปลอดอากรตามกฏหมายศุลกากร ใบอนุญาต ปีละ 500 บาท
2. สถานที่ขายที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตปีละ 500 บาท
3. สถานที่ขายที่ผู้ประกอบการมิได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตปีละ 100 บาท

ข้อควรรู้สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตขายสุรา เหล้า ยาสูบ และไพ่ 

– ในการเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้ง หรือมีการโอนใบอนุญาตนั้นต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้มีอำนาจในการออกใบอนุญาต
– ในกรณีผู้ได้รับอนุญาตนั้นไม่ปฏิบัติ หรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกฏหมาย กฏกระทรวง ประกาศ หรือข้อกำหนดในใบอนุญาต ผู้ได้รับใบอนุญาตจะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตไม่เกิน 6 เดือน
– จะมีการเพิกถอนใบอนุญาต ถ้าหากเกิดกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตสองครั้งขึ้นไป และมีเหตุที่จะต้องถูกพักใบอนุญาตอีก หรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกฏหมาย กฏกระทรวง ประกาศ หรือข้อกำหนดในใบอนุญาต ซึ่งการไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย
ที่ร้ายแรง
– ในกรณีที่ผู้ประกอบการถูกเพิกถอนใบอนุญาต เวลาจะต้องล่วงพ้นมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี นับแต่วันที่ได้รับคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต จึงจะขอ
ใบอนุญาตใหม่ได้

รับขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ นำเที่ยว

ธุรกิจนำเที่ยว คือ ธุรกิจเกี่ยวกับการนำนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวหรือเดินทางไปเพื่อวัตถุประสงค์อื่น โดยจัดให้มีบริการ หรือการอำนวยความสะดวกอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง อันได้แก่ สถานที่พัก อาหาร มัคคุเทศก์

ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะทำธุรกิจนำเที่ยวต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวจากนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว เมื่อได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวจึงจะสามารถประกอบกิจการธุรกิจนำเที่ยวได้ 
ในการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวนั้นแบ่งผู้ขอรับใบอนุญาตเป็น 2 ประเภทดังนี้

1. ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่เป็นบุคคลธรรมดา
2. ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่เป็นนิติบุคคล โดยหนังสือรับรองนิติบุคคลจะต้องระบุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการนำเที่ยว 

คุณสมบัติผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว
1. ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวกรณีบุคคลธรรมดา
– ต้องมีสัญชาติไทย และอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ในวันที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว
– ต้องมีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไทย
– ต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรืออยู่ในระหว่างถูกพิทักษ์ทรัพย์
– ต้องไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
– ต้องไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว หรือใบอนุญาตมัคคุเทศก์ และไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
นำเที่ยว หรือใบอนุญาตมัคคุเทศก์ แต่ถ้าเคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตต้องถูกเพิกถอนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันยื่นคำขอรับใบอนุญาต
ประกอบธุรกิจนำเที่ยว
2. ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวกรณีนิติบุคคล
– ต้องมีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย โดยมีวัตถุประสงค์ของนิติบุคคลเพื่อประกอบกิจการด้านการนำเที่ยว โดยถ้าเป็นห้างหุ้นส่วน กำหนดให้ผู้เป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดต้องมีสัญชาติไทย กรณีเป็นบริษัทจำกัด ทุนจดทะเบียนของบริษัทไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ต้องเป็นของบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทย และ กรรมการของบริษัทเกินกึ่งหนึ่งต้องมีสัญชาติไทย
– ต้องมีสำนักงานอยู่ในราชอาณาจักรไทย
–  กรรมการหรือผู้มีอำนาจจัดการแทนนิติบุคคลต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังนี้
1.  มีสัญชาติไทย และอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ในวันที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว
2.  มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไทย
3. ต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรืออยู่ในระหว่างถูกพิทักษ์ทรัพย์
4. ต้องไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
5. ต้องไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว หรือใบอนุญาตมัคคุเทศก์ และไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
นำเที่ยว หรือใบอนุญาตมัคคุเทศก์ แต่ถ้าเคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตนำเที่ยว ต้องถูกเพิกถอนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว

โดยทั้งนี้ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวจะต้องวางเงินหลักประกันในการประกอบธุรกิจนำเที่ยว ทั้งนี้ธุรกิจนำเที่ยวแต่ละประเภทจะมีอัตราเงินหลักประกันแตกต่างกันไป ดังต่อไปนี้
1. วางเงินหลักประกัน 3,000 บาท สำหรับการประกอบธุรกิจนำเที่ยวประเภทเฉพาะพื้นที่ สามารถประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้ เฉพาะในจังหวัดที่จดทะเบียน และจังหวัดข้างเคียง ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกันเท่านั้น (นำเที่ยวประเภทนี้ไม่สามารถขายทัวร์ออนไลน์ได้)
2.วางเงินหลักประกัน 15,000 บาท สำหรับการประกอบธุรกิจนำเที่ยวประเภทนำเที่ยวภายในประเทศ โดยสามารถประกอบธุรกิจนำเที่ยวในประเทศได้ทุกจังหวัด แต่จำกัดไม่ให้นำเที่ยวไปยังต่างประเทศ (นำเที่ยวประเภทนี้ไม่สามารถขายทัวร์ออนไลน์ได้)
3. วางเงินหลักประกัน 30,000 บาท สำหรับการประกอบธุรกิจนำเที่ยวประเภทนำเที่ยวจากต่างประเทศ โดยสามารถประกอบธุรกิจนำเที่ยวในประเทศได้ทุกจังหวัด แต่จำกัดไม่ให้นำเที่ยวไปยังต่างประเทศ (นำเที่ยวประเภทนี้สามารถขายทัวร์ออนไลน์ได้)
4. วางเงินหลักประกัน 60,000 บาท สำหรับการประกอบธุรกิจนำเที่ยวประเภททั่วไป โดยสามารถประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ (นำเที่ยวประเภทนี้สามารถขายทัวร์ออนไลน์ได้)

ในการยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องจัดให้มีการทำประกันภัยสำหรับอุบัติเหตุ ให้แก่นักท่องเที่ยว มัคคุเทศน์ และผู้นำเที่ยวในระหว่างเดินทางท่องเที่ยว โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัยกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะหรือทุพลลภาพไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านบาทต่อคน
และกรณีบาดเจ็บไม่ต่ำกว่าห้าแสนบาทต่อคน และต้องมีอายุกรมธรรม์ไม่น้อยกว่าหนึ่งปี นับแต่วันยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว

รับขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ เปิดสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (ขอใบอนุญาตร้านนวด/ขอใบอนุญาตร้านสปา)

“สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ” ตามพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 นั้นหมายความว่า สถานที่ที่ตั้งขึ้นเพื่อดำเนินกิจการ ดังต่อไปนี้
1. กิจการสปาบริการที่เกี่ยวกับการดูแล และเสริมสร้างสุขภาพโดยวิธีการบำบัดด้วยน้ำ และการนวดร่างกายเป็นหลัก ประกอบกับบริการอื่น
2. กิจการนวดเพื่อสุขภาพ
3. กิจการนวดเพื่อเสริมความงาม
ผู้ประกอบกิจการเพื่อสุขภาพดังกล่าวข้างต้นจะต้องขอใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพจากกระทรวงสาธารณสุขก่อนเปิดกิจการ ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ มีอายุห้าปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต โดยสถานประกอบการต้องแสดงใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพไว้ในที่เปิดเผย และเห็นได้ง่าย ณ สถานประกอบการเพื่อสุขภาพที่ระบุไว้ในใบอนุญาต การขอต่อใบอนุญาตสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ต้องยื่นคำขอก่อนวันที่ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพจะหมดอายุ

ทั้งนี้ผู้จัดการหรือผู้ดำเนินงาน และผู้ให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพจะต้องขอใบอนุญาตเป็นผู้ดำเนินการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพด้วยเช่นกัน

การขอใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (ขอใบอนุญาตร้านนวด หรือขอใบอนุญาตร้านสปา)
หลักเกณฑ์ข้อกำหนดเบื้องต้นในการขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (ขอใบอนุญาตร้านนวด หรือขอใบอนุญาตร้านสปา)
1. ผู้ขอรับใบอนุญาตจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือเป็นนิติบุคคลก็ได้

2. ผู้ขอรับใบอนุญาต หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล (ในกรณีนิติบุคคล) ในการประกอบกิจการร้านนวดหรือร้านสปา ซึ่งถือว่าเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ต้องมีคุณสมบัติด้งต่อไปนี้
2.1 ต้องเป็นผู้มีอายุ ไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
2.2 ต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
2.3 ต้องไม่เป็นบุคคลวิกลจริต คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
2.4 ต้องไม่เป็นผู้เคยต้องคําพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทําผิดในความผิดเกี่ยวกับเพศตามประมวล กฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับ
ยาเสพติด ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม
การค้าประเวณี
2.5 ต้องไม่เป็นผู้เจ็บป่วยด้วยโรคติดต่ออันเป็นที่รังเกียจแก่สังคม โรคพิษสุราเรื้อรัง หรือติดยาเสพติดให้โทษ
2.6 ต้องไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ
2.7 ต้องไม่เป็นผู้เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ และยังไม่พ้นกําหนดสองปีนับถึงวันยื่นคําขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ

3. ในกรณีเป็นกิจการสปา ต้องมีผู้ดำเนินการที่มีใบอนุญาต โดยคุณสมบัติผู้ดำเนินการมีดังต่อนี้
3.1 มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
3.2 ได้รับวุฒิบัตรหรือประกาศนียบัตรด้านการบริการเพื่อสุขภาพที่ได้รับการรับรองจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
3.3 ผ่านการทดสอบและประเมินความรู้ความสามารถจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
3.4 ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม เป็นบุคคลวิกลจริต คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
3.5 ต้องไม่เป็นผู้เคยต้องคําพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทําผิดในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือความผิด เกี่ยวกับทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา
ความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ความผิดตามกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือความผิดตามกฎหมายว่าด้วย
การป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี เป็นผู้เจ็บป่วยด้วยโรคติดต่ออันเป็นที่รังเกียจแก่สังคม โรคพิษสุราเรื้อรัง หรือติดยาเสพติดให้โทษ
3.6 ต้องไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตเป็นผู้ดําเนินการ
3.7 ต้องไม่เป็นผู้เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นผู้ดําเนินการและยังไม่พ้นกําหนดหนึ่งปีนับถึงวันยื่นคําขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ดําเนินการ

4. ต้องมีผู้ให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนต่อผู้อนุญาตคือ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข โดยทั้งนี้คุณสมบัติของผู้ให้บริการมีดังต่อไปนี้
4.1 ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์
4.2 ต้องได้รับวุฒิบัตรหรือประกาศนียบัตรด้านการบริการเพื่อสุขภาพที่ได้รับการรับรองจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
4.3 ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม คือเป็นบุคคลวิกลจริต คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถและเป็นผู้เคยต้องคําพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็น
ผู้กระทําผิดในความผิดเกี่ยวกับเพศ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด หรือความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี เว้นแต่ได้พ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปีก่อนวันยื่นคําขอขึ้นทะเบียน
4.4 ต้องไม่เป็นผู้เจ็บป่วยด้วยโรคติดต่ออันเป็นที่รังเกียจแก่สังคม โรคพิษสุราเรื้อรัง หรือติดยาเสพติดให้โทษ

5. สถานประกอบการนั้นต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กฏหมายกำหนดครบถ้วนทุกประการ

ค่าธรรมเนียมรัฐบาลของใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพมี ดังต่อไปนี้

1. ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทกิจการสปา (ร้านสปา) แบ่งตามพื้นที่การให้บริการดังต่อไปนี้
– กรณีพื้นที่การให้บริการไม่เกิน 100 ตารางเมตร ฉบับละ 1,000 บาท
– กรณีพื้นที่การให้บริการเกิน 100 ตารางเมตร แต่ไม่เกิน 200 ตารางเมตร ฉบับละ 3,000 บาท
– กรณีพื้นที่การให้บริการเกิน 200 ตารางเมตร แต่ไม่เกิน 400 ตารางเมตร ฉบับละ 6,000 บาท
– กรณีพื้นที่การให้บริการเกิน 400 ตารางเมตร ฉบับละ 10,000 บาท

2. ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทกิจการนวดเพื่อสุขภาพ (ร้านนวด) หรือเพื่อเสริมความงาม
– กรณีพื้นที่การให้บริการไม่เกิน 100 ตารางเมตร ฉบับละ 500 บาท
– กรณีพื้นที่การให้บริการเกิน 100 ตารางเมตรแต่ไม่เกิน 200 ตารางเมตร ฉบับละ 1,500 บาท
– กรณีพื้นที่การให้บริการเกิน 200 ตารางเมตร แต่ไม่เกิน 400 ตารางเมตร ฉบับละ 3,000 บาท
– กรณีพื้นที่การให้บริการเกิน 400 ตารางเมตร ฉบับละ 5,000 บาท

3. ค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพรายปีสําหรับสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทกิจการสปา ปีละ 1,000 บาท
4. ค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพรายปีสําหรับสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทกิจการนวดเพื่อสุขภาพหรือ
เพื่อเสริมความงามปีละ 500 บาท
ผู้ประกอบการต้องชําระค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพรายปีในปีแรก พร้อมกับชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตตามประเภทกิจการ โดยถือว่าวันที่ชําระค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นวันครบกําหนดชําระค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการ และให้ชำระรายปีในปีต่อ ๆ ไปตลอดระยะเวลาที่ยังประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพอยู่

อายุใบอนุญาต 

อายุของใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทร้านสปา และร้านนวดมีอายุ 5 ปี

รับขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ค้าของเก่า

ความหมายของการค้าของเก่า มีความหมายคือทรัพย์ที่ทำการเสนอขาย แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายโดยประการอื่นอย่างทรัพย์ที่ใช้แล้ว โดยรวมถึงของโบราณด้วย  โดยขยายความดังต่อไปนี้
– ทรัพย์ คือวัตถุที่มีรูปร่างซึ่งเมื่อนำไปเสนอขาย แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายอย่างทรัพย์ที่ใช้แล้วถือว่าเป็นการค้าของเก่า ทั้งนี้รวมถึงของใหม่ที่ทิ้งไว้
นานๆ ด้วย
– โบราณวัตถุ คือทรัพย์ที่เป็นของโบราณ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หรือเป็นสิ่งประดิษฐ์รวมทั้ง สิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของโบราณสถาน
โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติด้วย
 
สถานที่ที่ยื่นขอใบอนุญาตค้าของเก่า
– กรณีที่ตั้งสถานประกอบกิจการค้าของเก่าอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ยื่นที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย 
– กรณีที่ตั้งอยู่ต่างจังหวัด ยื่นขอใบอนุญาตที่องค์การบริการส่วนตำบลที่สถานประกอบการตั้งอยู่
 
สิ่งที่ผู้ประกอบกิจการค้าของเก่าต้องทราบในการประกอบธุรกิจค้าของเก่า
– ผู้ที่ประกอบกิจการค้าของเก่าต้องขออนุญาต จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินธุรกิจ
– ใบอนุญาตค้าของเก่านั้นจะไม่สามารถโอนเปลี่ยนมือผู้ได้รับอนุญาตได้ ใบอนุญาตค้าของเก่านั้นจะเป็นใบอนุญาตเฉพาะตัว ยกเว้นในกรณีนิติบุคคลจะสามารถโอนได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าพนักงานพิจารณาตามที่เห็นสมควร 
– ใบอนุญาตค้าของเก่าจะหมดอายุในวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี โดยผู้ได้รับใบอนุญาตค้าของเก่าต้องดำเนินการขอต่ออายุใบอนุญาตก่อน
ใบอนุญาตเดิมจะหมดอายุ โดยผู้ได้รับใบอนุญาตสามารถยื่นต่ออายุได้ก่อนใบอนุญาตหมดอายุล่วงหน้า 90 วัน
– การค้าของเก่านั้นต้องทำการค้าของเก่าในสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาตค้าของเก่าเท่านั้น ซึ่งใบอนุญาตค้าของเก่าหนึ่งใบจะใช้ได้เฉพาะร้านค้าของเก่าหนึ่งร้านค้าเท่านั้น 
– ผู้ประกอบการธุรกิจค้าของเก่าที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการค้าของเก่าจะมีโทษตามกฎหมาย

ประเภทของใบอนุญาตค้าของเก่า

  1. ค้าของเก่าประเภทที่เป็นโบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุ โดยความหมายของนิยามเป็นไปตามกฏหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และ
    พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
  2. ค้าของเก่าประเภทที่เป็น เงิน ทอง นาก เพชรพลอย หรืออัญมณี
  3. ค้าของเก่าประเภทที่เป็น รถยนต์ ทั้งนี้ตามกฏหมายว่าด้วยรถยนต์
  4. ค้าของเก่าประเภทอื่นๆ ได้แก่ พระเครื่อง นาฬิกา  โทรศัพท์เคลื่อนที่ กล้องถ่ายรูป เครื่องใช้สำนักงาน คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องดนตรี เครื่องเสียง  ไม้เรือนเก่า เฟอร์นิเจอร์ เครื่องหนัง เครื่องจักรเก่า จักรเย็บผ้า รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์ ยางรถยนต์ กระทะล้อรถยต์ แสตมป์ เหรียญ ธนบัตร ของหลุดจำนำ กระดาษ เศษเหล็ก แสตนเลส ถัง และพลาสติก เป็นต้น

เงื่อนไขในการรับขอใบอนุญาตค้าของเก่า

  1. ผู้ขอใบอนุญาตประกอบกิจการค้าของเก่า ต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยนับถึงวันที่ยื่นคำขอใบอนุญาตค้าของเก่า
  2. ผู้ขอใบอนุญาตประกอบกิจการค้าของเก่าต้องมีความรู้หนังสือไทยพออ่านออกเขียนได้
  3. ผู้ขอใบอนุญาตประกอบกิจการค้าของเก่าต้องเป็นผู้ไม่เคยต้องโทษจำคุกในความผิดเกี่ยวกับเงินตรา ความผิดเกี่ยวกับดวงตราแสตมป์และตั๋ว
    ความผิดเกี่ยวกับการค้า ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ ลักทรัพย์ รีดเอาทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ และรับของโจรตามประมวลกฏหมายอาญา

หน้าที่และสิ่งที่ผู้ได้รับใบอนุญาตค้าของเก่าต้องปฎิบัติ

  1. ผู้ได้รับใบอนุญาตค้าของเก่าต้องอำนวยความสะดวกแก่นายตรวจที่ทำการตรวจตามหน้าที่
  2. เมื่อใบอนุญาตค้าของเก่าสูญหายต้องยื่นคำร้องภายใน 7 วัน เพื่อขอรับใบแทนใบเดิมที่สูญหาย
  3. ผู้ได้รับใบอนุญาตค้าของเก่าต้องยื่นคำร้องขออนุญาตย้ายสถานที่ประกอบการล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 10 วันต่อเจ้าหน้าที่ โดยจะเหมือนกับการขออนุญาตค้าของเก่าครั้งใหม่
  4. หากผู้ได้รับใบอนุญาตค้าของเก่าประสงค์จะเลิกประกอบอาชีพค้าของเก่า ต้องแจ้งเลิกก่อนวันที่ใบอนุญาตค้าของเก่าจะหมดอายุ พร้อมทั้งนำ
    ใบอนุญาตค้าของเก่าเดิมส่งคืนแก่เจ้าหน้าที่ด้วย
  5. ผู้ได้รับใบอนุญาตค้าของเก่าต้องแสดงชื่อผู้ได้รับใบอนุญาตค้าของเก่า และคำว่าผู้ค้าของเก่า ไว้ ณ ที่ทำการค้าของตนและแสดงใบอนุญาต
    ค้าของเก่าไว้ในที่เห็นได้ชัดแจ้ง
  6. ผู้ได้รับใบอนุญาตค้าของเก่า ต้องมีสมุดบัญชีสำหรับการค้าของตนและจดรายการทรัพย์ที่ซื้อ-ขาย ทุกชิ้นทุกรายโดยละเอียด โดยมีเจ้าพนักงาน
    ผู้ออกใบอนุญาตค้าของเก่าลงนามและประทับตราประจำตำแหน่งในสมุด
  7. ผู้ได้รับใบอนุญาตค้าของเก่าต้องแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือนายตรวจทันที เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าทรัพย์ที่มีผู้นำเสนอหรือโอนให้นั้นเป็นทรัพย์
    ที่ได้มาโดยทุจริต
  8. ผู้ได้รับใบอนุญาตค้าของเก่าต้องทำเลขลำดับเป็นเครื่องหมายปิดไว้ที่ของให้ตรงกับเลขลำดับในสมุดบัญชี เพื่อความสะดวกในการสำรวจตรวจสอบ
  9. ผู้ได้รับใบอนุญาตค้าของเก่าต้องอย่าเอาเปรียบลูกค้าในเรื่องราคา และปกปิดความจริงประวัติของทรัพย์ที่ขาย

อัตราค่าธรรมเนียมรัฐบาลในการขอใบอนุญาตค้าของเก่า โดยแบ่งตามประเภทของเก่าดังนี้

 
1.  ค่าธรรมเนียมค้าของเก่าประเภทโบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุ                          ปีละ 12,500 บาท
2.  ค่าธรรมเนียมค้าของเก่าประเภทเพชร พลอย ทอง นาก เงิน หรือ อัญมณี    ปีละ 10,000 บาท
3. ค่าธรรมเนียมค้าของเก่าประเภทรถยนต์ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์            ปีละ    7,500 บาท
4. ค่าธรรมเนียมค้าของเก่าประเภทอื่นๆ ไม่อยู่ใน (1) (2) และ (3)                        ปีละ    5,000 บาท

อายุใบอนุญาตค้าของเก่า

ใบอนุญาตค้าของเก่ามีอายุ 1 ปี  จะหมดอายุภายในวันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี

รับขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ตลาดแบบตรง (จดทะเบียนตลาดแบบตรงกับสคบ.)

จดทะเบียนตลาดแบบตรงกับ สคบ.
ผู้ประกอบการที่มีการจำหน่ายสินค้าทางอินเตอร์เน็ตหรือออนไลน์ (E-commerce)  ในกรณีบุคคลธรรมดานอกจากจะต้องจดทะเบียนพาณิชย์
อิเลกทรอนิกส์แล้ว ถ้ารายได้เกินกว่าปีละ 1.8 ล้านบาท จำเป็นต้องจดทะเบียนเป็นผู้ทำการตลาดแบบตรงและวางหลักประกันกับทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)  ส่วนในกรณีนิติบุคคลถึงแม้ยอดขายไม่เกิน 1.8 ล้านบาทก็ต้องจดทะเบียนเป็นผู้ทำการตลาดแบบตรงและวางหลักประกันกับทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยทันที

ความหมายของ “การตลาดแบบตรง” ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2560 หมายถึงการทำตลาดสินค้าหรือบริการในลักษณะของการสื่อสารข้อมูลเพื่อเสนอ ขายสินค้าหรือบริการโดยตรงต่อผู้บริโภคซึ่งอยู่ห่างโดยระยะทางและมุ่งหวังให้ผู้บริโภคแต่ละราย
ตอบกลับเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบธุรกิจ ตลาดแบบตรงนั้น
ลักษณะของการขายที่ถือว่าเป็นการตลาดแบบตรง
1. มีเว็บไซต์ขายสินค้า ซึ่งสินค้านั้นอาจจะเป็นสินค้าของเจ้าของเว็บไซต์เอง หรือขายสินค้าของบุคคลอื่นผ่านเว็บไซต์
2. ขายผ่านสื่อโทรทัศน์ดาวเทียม และมีการให้สั่งซื้อสินค้าผ่านรายการ โดยโทรศัพท์เข้าไปสั่งซื้อ
3. ขายของออนไลน์ ทั้งที่ขายผ่านช่องทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก แอพพลิเคชั่นไลน์ หรือแอพพลิเคชั่นอื่นๆ
ธุรกิจรูปแบบการขายสินค้าและบริการที่ไม่ถือว่าเป็นการตลาดแบบตรง
1. ผู้ที่ขายสินค้าและบริการบุคคลธรรมดา ที่มีรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไม่เกิน 1 ล้าน 8 แสนบาทต่อปี
2. ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
3. การขายสินค้าและบริการของวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนที่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
4. การขายสินค้าและบริการของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรที่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์
การวางหลักประกันในการจดทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงกับ สคบ. มีการกำหนดวงเงินหลักประกันดังต่อไปนี้
1. ยื่นคำขอรายใหม่
1.1 กรณีบุคคลธรรมดา ต้องวางหลักประกัน จำนวนเงิน 5,000 บาท
1.2 กรณีนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท ต้องวางหลักประกัน จำนวนเงิน 25,000 บาท
2. ผู้จดทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงกับ สคบ.แล้ว
2.1 กรณีมีรายได้ไม่เกิน 25 ล้านบาทต่อปี
     – ถ้าเป็นบุคคลธรรมดา ต้องวางหลักประกัน จำนวนเงิน 5,000 บาท
     – ถ้าเป็นนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท ต้องวางหลักประกัน จำนวนเงิน 25,000 บาท
2.2 กรณีมีรายได้เกิน 25 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อปี ต้องวางหลักประกัน จำนวนเงิน 50,000 บาท
2.3 กรณีมีรายได้เกิน 50 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อปี ต้องวางหลักประกัน จำนวนเงิน 100,000 บาท
2.4 กรณีมีรายได้เกิน 100 ล้านบาทต่อปี ต้องวางหลักประกัน จำนวนเงิน 200,000 บาท

บทกำหนดโทษ
หากผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าออนไลน์แล้วเข้าข่ายเป็นผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ไม่ได้จดทะเบียนประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงกับ
ทางสคบ. จะมีโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีการปรับเพิ่มอีกวันละ 10,000 บาทจนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน 

บริการรับขอ อย.

บริการยื่นคำขออนุญาตด้านอาหาร

ผู้ประกอบกิจการที่ต้องได้รับอนุญาตก่อนจึงจะดำเนินการได้มีดังนี้
– ผู้ผลิตอาหารเพื่อจำหน่าย
– ผู้นำเข้าอาหารเพื่อจำหน่าย
– ผู้ประสงค์จะโฆษณาคุณประโยชน์
คุณภาพ หรือสรรพคุณอาหาร ทางวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ทางฉายภาพ ภาพยนต์ หรือทางหนังสือพิมพ์ หรือสิ่งพิมพ์อื่น หรือด้วยวิธีการอื่นใด เพื่อประโยชน์ในทางการค้า
ประเภทผลิตภัณฑ์อาหารแบ่งเป็น 10 กลุ่มดังนี้
1. กล่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
2. กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับทารกและเด็ก
3. กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
4. กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารมีวัตถุประสงค์พิเศษ
5. กลุ่มผลิตภัณฑ์นมดัดแปลงสำหรับทารก นมดัดแปลงสูตรต่อเนื่องสำหรับทารกและเด็กเล็ก อาหารทารก และอาหารสูตรต่อเนื่องสำหรับทารก และเด็กเล็ก
6. กลุ่มวัตถุเจือปนอาหาร
7. กลุ่มวัตถุที่ใช้รักษาคุณภาพของอาหาร
8. กลุ่มวัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาล(อาหารสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก)
9. กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร 7 ประเภท ได้แก่ นมโค นมปรุงแต่ง นมเปรี้ยว ผลิตภัณฑ์ของนม ไอศกรีม เครื่องดื่มในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท และอาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
10. กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารประเภทอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากอาหารที่กล่าวข้างต้น


สนใจบริการรับขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ

ติดต่อ: บริษัท กรีนโปร เคเอสพี คอนซัลติ้ง จำกัด
43 ถ. สาทรใต้ แขวง ยานนาวา เขต สาทร กรุงเทพมหานคร 10120
โทร : 02 210 0281, 02 210 0282
มือถือ : 094 864 9799084 360 4656
LINE ID : @greenproksp
E-mail : info.th@greenproksp.com

Add Friend