ทุกคนทราบมั้ยทุกวันนี้ software ที่ช่วยทำให้กระบวนการ การทำงานเป็นอัตโนมัตินั้นอาจจะมีศัพท์ที่เราได้ยินกัน ก็คือ BPA, RPA, SI วันนี้เราจะมาดูกันว่า 3 อย่างนี้คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร
โดยทั้ง 3 ซอฟต์แวร์ แตกต่างกัน ดังนี้
- Business Process Automation (BPA)
ระบบอัตโนมัติของกระบวนการทางธุรกิจ เป็นระบบที่มุ่งเน้นไปที่การทำให้กระบวนการทางธุรกิจเป็นอัตโนมัติทั้งองค์เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนเรื่องค่าแรงพนักงาน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เมื่อคุณได้ยินว่า “โรงงานของเราแทบ 100% ไม่ได้ใช้คนในการทำงาน แต่เป็นหุ่นยนต์” ก็รู้ได้เลยว่านั้น คือ ระบบ BPA ที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ
ซึ่งขอบเขตนั้นจะกว้างมากและซับซ้อน สามารถดำเนินการกระบวนการต่างๆของธุรกิจได้เองอัตโนมัติ และประกอบด้วยเทคโนโลยีมากมาย นั้นรวมถึง RPA, Workflow automation, SI และ AI เพื่อทำงาน ส่งผลให้การขึ้นระบบนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากเช่นกัน ในตลาดนั้น มีเพียงองค์กรเพียงหยิบมือที่เรียกได้ว่า ดำเนินธุรกิจด้วย BPA ด้วยขนาดการลงทุนที่ใหญ่มาก หากธุรกิจไม่ได้ใหญ่มาก การลงทุนนี้อาจจะไม่คุ้มค่า
- Robotic Process Automation
ซอฟต์แวร์หุ่นยนต์ช่วยกระบวนการทำงานของมนุษย์ให้เป็นแบบอัตโนมัติ เป็นเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ที่ต้องการช่วยเพิ่มผลิตภาพ ประสิทธิภาพการทำงาน ลดข้อผิดพลาด เพิ่มรายได้และลดต้นทุนค่าใช้จ่าย เช่นเดียวกับ BPA แต่สิ่งที่ต่างไปก็คือ RPA สามารถทำงานได้กับทุกแพลตฟอร์ม และซอฟต์แวร์ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องอัปเกรดระบบของตนเอง ซึ่ง RPA จะทำงานตามคำสั่งที่มอบหมายเอาไว้ไม่มีตกหล่น
โดยหลักๆ แล้ว ซอฟต์แวร์ RPA จะเหมาะกับกระบวนการที่ต้องทำซ้ำๆ มีขั้นตอนการทำงานที่เป็นแบบแผนชัดเจน และไม่เหมาะกับกระบวนการทำงานที่ไม่มีแบบแผนการทำงานที่ชัดเจน หรือกระบวนการทำงานที่ต้องพึ่งพาประสบการณ์ในการตัดสินใจ
- System Integration
การบูรณาการระบบเพื่อเชื่อมโยงระบบไอทีต่างๆ เป็นระบบข้อมูลที่เชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกัน เพื่อให้องค์ทำงานบนข้อมูลชุดเดียวกันเพิ่มความเป็นเอกภาพและทำให้ทำงานได้อย่างราบรื่นเป็นหนึ่งเดียว มีจุดประสงค์คือ ปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจต่างๆ เช่น Sales, CRM, Warehouse และส่วนอื่นๆในองค์กร สามารถสื่อสารและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการพัฒนา (SI) อาจเกี่ยวข้องกับการใช้ ระบบจัดการทรัพยากรในองค์กร เช่น ERP มิดเดิลแวร์ API (Application Programming Interfaces) ESBs (Enterprise Service Buses)
และเครื่องมือและแพลตฟอร์มบูรณาการอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการไหลของข้อมูลและการทำงานที่ไม่มีสะดุดข้ามระบบที่แตกต่างกัน เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลนั้นถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์
สรุปความแตกต่างหลัก
เมื่อเทียบกันแล้วขอบเขตและการใช้งานของ BPA มีขอบเขตที่กว้างที่สุด มุ่งเน้นความเป็นอัตโนมัติและประสิทธิภาพทั้งองค์กร
RPA แคบลงมาโดยมุ่งเน้นการทำให้งานแต่ละงานเป็นอัตโนมัติ และ SI เป็นการเชื่อมต่อระบบต่างๆ ให้ทำงานราบรื่นและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำให้เป็นอัตโนมัติโดยตรง
ซึ่งทั้ง BPA RPA และ SI ล้วนมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพและผลผลิต ทั้ง BPA และRPA มุ่งเน้นการทำให้เป็นอัตโนมัติโดย BPA อยู่ในระดับกระบวนการทั้งหมดขององค์กร RPA อยู่ในระดับปฏิบัติงาน และ SI มุ่งเน้นไปที่การสื่อสารเชื่อมโยงและการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบต่างๆ
🚩วันนี้ GreenPro KSP Group พร้อมแล้วที่จะให้บริการผู้ที่สนใจ Transform ธุรกิจตนเองให้ทันสมัยยกระดับการทำงานให้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้นด้วย GreenPro Digital Tech Solution