

การจดทะเบียนบริษัทถือเป็นก้าวสำคัญของผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจให้ถูกต้องตามกฎหมายและมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการจดทะเบียนบริษัทแล้ว เจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีที่ต้องเสีย เพื่อให้สามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและหลีกเลี่ยงปัญหาด้านภาษีในอนาคต
เมื่อบริษัทได้รับการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว จะต้องรับผิดชอบภาษีหลัก ๆ 3 ประเภท ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล, ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ซึ่งแต่ละประเภทมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นภาษีที่บริษัทต้องเสียจากกำไรสุทธิของธุรกิจ โดยคิดจากรายได้ที่หักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้ว อัตราภาษีแบ่งเป็น 2 กรณีคือ
การยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลมี 2 รอบต่อปี ได้แก่
📌 ภ.ง.ด.51 (ภาษีกลางปี) → ต้องยื่นภายในเดือนสิงหาคม
📌 ภ.ง.ด.50 (ภาษีสิ้นปี) → ต้องยื่นภายใน 150 วันหลังจากสิ้นปีบัญชี
หากไม่ยื่นภาษีตามกำหนด บริษัทอาจถูกปรับ และหากหลีกเลี่ยงการเสียภาษี อาจมีโทษทางกฎหมายได้
ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT เป็นภาษีที่ธุรกิจต้องเรียกเก็บจากลูกค้าในอัตรา 7% ของราคาสินค้าหรือบริการ และนำส่งให้กรมสรรพากร โดยธุรกิจที่มี รายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและยื่นแบบภาษีทุกเดือน
การยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มต้องทำผ่านแบบ ภ.พ.30 ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป หากยื่นล่าช้าอาจต้องเสียค่าปรับและเบี้ยปรับตามกฎหมาย
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายเป็นภาษีที่บริษัทต้องหักไว้เมื่อมีการจ่ายเงินให้คู่ค้าหรือผู้ให้บริการ เช่น ค่าบริการ ค่าจ้างวิชาชีพ ค่าเช่า และค่าขนส่ง แล้วนำส่งให้กรมสรรพากร โดยอัตราภาษีที่ต้องหักขึ้นอยู่กับประเภทของค่าใช้จ่าย เช่น
📌 3% → ค่าบริการทั่วไป เช่น ค่าโฆษณา ค่าขนส่ง
📌 5% → ค่าเช่าสำนักงาน อาคาร หรืออสังหาริมทรัพย์
📌 10% → ค่าจ้างวิชาชีพ เช่น ทนายความ นักบัญชี
การนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายต้องทำผ่านแบบ ภ.ง.ด.3 หรือ ภ.ง.ด.53 ทุกเดือน หากไม่ยื่นตามกำหนดอาจมีโทษปรับและดอกเบี้ย
นอกจากภาษีหลัก 3 ประเภทข้างต้น ยังมีภาษีอื่น ๆ ที่บริษัทอาจต้องเสียขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจ เช่น
📌 ภาษีสรรพสามิต → สำหรับธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการบางประเภท เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ รถยนต์ น้ำมัน เป็นต้น
📌 ภาษีธุรกิจเฉพาะ → สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เช่น การให้กู้ยืมเงิน หรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
📌 ภาษีป้าย → สำหรับธุรกิจที่ติดตั้งป้ายโฆษณาชื่อร้าน หรือป้ายที่มีโลโก้ของบริษัท
เมื่อจดทะเบียนบริษัทแล้ว ผู้ประกอบการต้องเสียภาษีอย่างน้อย 3 ประเภทหลัก ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล, ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และภาษีหัก ณ ที่จ่าย นอกจากนี้ยังมีภาษีอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องตามประเภทของธุรกิจ
การทำบัญชีและยื่นภาษีให้ถูกต้องและตรงเวลาจะช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และหลีกเลี่ยงค่าปรับหรือปัญหาทางกฎหมาย ผู้ประกอบการควรศึกษาและวางแผนภาษีให้ดี หรือปรึกษานักบัญชีมืออาชีพเพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 📌 อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวางแผนภาษี? ทักมาสอบถามได้เลย! 🎯